เสาชิงช้า Guidebook เดินเมือง
0
กำลังได้รับความสนใจ
สถานที่น่าสนใจ 7 แห่ง

แผนที่

 เสาชิงช้า
เสาชิงช้า ศาสนาพราหมณ์มีความเกี่ยวพันกับชีวิตชาวไทยอยู่มาก เมื่อสร้างกรุงเทพฯ เสร็จแล้วจึงมีการสร้างโบสถ์พราหมณ์ และเสาชิงช้า ในอดีตเสาชิงช้าคือใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครหรือเรียกว่า"สะดือเมือง" โดยถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ตั้งของเทวสถานและโบสถ์ ในศาสนาพราหมณ์ รวมทั้งเสาชิงช้าด้วย ทำให้ "เสาชิงช้า" กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของกรุงเทพมหานครมาจนถึงปัจจุบัน โดยเสาชิงช้าที่ว่านี้ เป็นเสาไม้ขนาดใหญ่สีแดง ตั้งอยู่บนแท่นหินขนาดใหญ่ มีความสูง 21.15 เมตร ฐานกลมก่อเป็นฐานปัทม์ทำด้วยหินล้างสีขาว ตามแนวโค้งของฐานติดแผ่นจารึกประวัติเสาชิงช้า เสาไม้แกนกลางคู่และเสาตะเกียบ 2 คู่ เป็นเสาหัวเม็ด ล้วนทำด้วยไม้สักกลึงกลม โครงยึดหัวเสาทั้งคู่แกะสลักสวยงาม กระจังและหูช้างไม้เป็นลวดลายไทย ทั้งหมดทาสีแดงชาด เสาชิงช้าในยุคก่อนใช้เป็นที่ประกอบพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธี "ตรียัมปวาย ตรีปวาย" ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่สำหรับเสาชิงช้าที่ได้เห็นในปัจจุบันนั้นเป็นเสาต้นใหม่ ซึ่งได้จัดพิธีสมโภขน์ไปเมื่อวันที่ 11-13 กันยายน 2550 วัสดุหลักทำจากไม้สักทองจากเมืองแพร่ ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทาง ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ส่วนบริเวณใกล้เคียงกับเสาชิงช้า รวมถึงในเขตพระนครส่วนใหญ่ ยังคงสืบทอดสถาปัตยกรรมตามแบบช่วงต้นรัชกาลให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมกันเป็นขวัญตา ขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจาก : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2
0
ศาลเจ้าพ่อเสือ
ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า), ศาลเจ้าพ่อเสือ พระนคร หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ศาลเจ้าพ่อเสือ เป็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บนถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ชาวจีนเรียกศาลเจ้านี้ว่า "เจ้าพ่อเสือ" (เทพเจ้าใหญ่) โดยเป็นที่ประดิษฐานรูปเอี่ยนเถี้ยนส่งเต้, รูปเจ้าพ่อเสือ, รูปเจ้าพ่อกวนอู และรูปเจ้าแม่ทับทิม ว่ากันว่าศาลเจ้าพ่อเสือตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดให้ขยายถนนบำรุงเมือง ได้โปรดให้ย้ายศาลมาไว้ที่ทางสามแพร่งถนนตะนาว จนถึงปัจจุบัน
0
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นรูปหล่อลอยตัว ประกอบด้วยรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า สร้างด้วยทองแดง มีความสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน ตั้งบนฐานรูปทรงกลมด้านบนโค้งกลม ลานอนุสาวรีย์ยกสูงมีบันไดโดยรอบ รอบนอกลานอนุสาวรีย์มีครีบทรงแบน อยู่ 4 ทิศ ที่โคนครีบ มีภาพแกะสลักลายปั้นนูน และมีรั้วเตี้ย ๆ กั้นโดยรอบลานอนุสาวรีย์ รั้วนี้ใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอก ฝังดินโผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกัน[5] โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ภายในอนุสาวรีย์ประกอบด้วย:[5][4] ปีก 4 ด้าน สูงจากแท่นพื้น 24 เมตร มีรัศมียาว 24 เมตร หมายถึง วันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเกิดเหตุการณ์การปฏิวัติสยาม พานทูนฉบับรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดป้อม กลางตัวอนุสาวรีย์ สูง 3 เมตร หมายถึง เดือน 3 หรือ เดือนมิถุนายน (ขณะนั้นนับเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ตรงกับเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยนั้น และหมายถึง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญ (นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ) ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก (ปากกระบอกปืนฝังลงดิน) โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์ที่มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เลข 75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ. 2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ ลายปั้นนูนที่ฐานครีบทั้ง 4 เน้นถึงเรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหมายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระขรรค์ 6 เล่ม ที่รายล้อมรอบป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ หมายถึง หลัก 6 ประการของคณะราษฎร อ่างตรงฐานปีกทั้ง 4 ด้านเป็นรูปงูใหญ่ หมายถึง ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นปีมะโรง หรือ ปีงูใหญ่
0
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นอาคาร 4 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับวัดราชนัดดาราม จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ [1] การจัดแสดง นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ได้นำเสนอเรื่องราวด้านต่างๆ แห่งยุครัตนโกสินทร์ ผ่านห้องจัดแสดง ซึ่งตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองกัน โดยเส้นทางที่ 1 (หมายเลข 1-7) เปิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553 เส้นทางที่ 2 (หมายเลข 8-9) เปิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554 โดยรายละเอียดของห้องจัดแสดง มีดังนี้ รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์ (Grandeur Rattanakosin) จัดแสดงภาพยนตร์สื่อผสม 4 มิติ นำเสนอประวัติความเป็นมาของการกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกรุงศรีอยุธยา ด้วยพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งบรมราชจักรี เกียรติยศแผ่นดินสยาม (The Prestige of the Kingdom) จัดแสดงความวิจิตรอลังการของพระบรมมหาราชวัง ตามคติความเชื่อในความเป็นสมมติเทพของพระมหากษัตริย์ ที่สะท้อนผ่านงานด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนประวัติของพระแก้วมรกต เรื่องราวของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเกร็ดน่ารู้ น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตในวัง เรืองนามมหรสพศิลป์ (Remarkable Entertainments) จัดแสดงความเป็นมา และรูปแบบของมหรสพสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์หลากหลายประเภท ตลอดจนวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของมหรสพและการแสดงประเภทต่างๆ ในแต่ละยุคสมัย ซึ่งบูรณาการและแตกสายจนมีความงาม และลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป ลือระบิลพระราชพิธี (Renowned Ceremonies) จัดแสดงที่มาและความสำคัญของพระราชพิธี รวมทั้งเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญๆของกรุงรัตนโกสินทร์ สง่าศรีสถาปัตยกรรม (Graceful Architectures) จัดแสดงรูปแบบสถาปัตยกรรมในยุครัตนโกสินทร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของสยามประเทศ ผ่าน วัง วัด บ้าน แห่งยุคสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงสอดรับกับปัจจัยแวดล้อม ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจากต่างประเทศ จนทำให้วัง วัด บ้าน ในกรุงรัตนโกสินทร์ มีลักษณะหลากหลายดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน ดื่มด่ำย่านชุมชน (Impressive Communities) จัดแสดงความเป็นมาและเอกลักษณ์ของชุมชนบนเกาะรัตนโกสินทร์ เพียงแค่ก้าวเท้า ไปยังจุดที่ตั้งของชุมชน จะปรากฏลวดลายสวยงาม นำผู้ชมไปทำความรู้จักชุมชนนั้น พร้อมชื่นชมผลงานการรังสรรค์จากชุมชนต่างๆ ซึ่งบางชิ้นหาชมได้ยากในปัจจุบัน เยี่ยมยลถิ่นกรุง (Sight-Seeing Highlights) รวบรวมและนำเสนอ สถานที่น่าสนใจบนเกาะรัตนโกสินทร์ หลายรูปแบบ ทั้งสถานที่ที่น่าสนใจในเชิงสถาปัตยกรรมอันสวยงาน สวนสาธารณะยอดนิยม พิพิธภัณฑ์ที่ควรเยี่ยมชม แหล่งรวมอาหารการกินและจับจ่ายสินค้า ตลอดจนย่านที่เป็นสีสันในยามค่ำคืน ซึ่งแต่ละสถานที่ต่างก็มีบรรยากาศอันชวนให้หลงใหลในแบบฉบับของตัวเอง เรืองรุ่งวิถีไทย (The Colorful Thai Way of Living) รวบรวมและนำเสนอวิถีชีวิตของคนไทย นับตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จวบจนถึงปัจจุบันผ่านมัลติทัชเกมการเรียนรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ปัจจัยและอิทธิพลต่างๆ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนไทยในแต่ละยุคสมัย ดวงใจปวงประชา (The Heart and Soul of the Nation) รวบรวมและนำเสนอเรื่องราว พระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทั้ง ๑๐ รัชกาล ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน การให้บริการ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 - 17.00 น. โดยนอกจากนิทรรศการหลัก ภายในอาคารยังมีจุดที่น่าสนใจ และบริการเสริม อาทิ ห้องสมุดนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นห้องสมุดเฉพาะด้าน ที่รวบรวมหนังสือ สื่อมัลติมีเดีย เกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โถงกิจกรรมอเนกประสงค์ ขนาด 300 ตรม. สำหรับจัดนิทรรศการหรือกิจกรรมหมุนเวียน ตลอดปี จุดชมทิวทัศน์ ชั้น 4 ที่สามารถชมทัศนียภาพของถนนราชดำเนิน และสถาปัตยกรรมในมุมมองกว้าง บริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าของที่ระลึก
0

Your STAMM Book

มาสะสม STAMM เพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวดีๆ ระหว่างทางกัน

เสาชิงช้า

วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

วัดเทพมณเฑียร

ศาลเจ้าพ่อเสือ

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์

ตรอกหม้อ

เดินเปิดโลกย่านเสาชิงช้า ย่านที่คิดถึงเรื่องของร้านอาหารก็มีเต็มตลอดข้างทาง แต่ละร้านคือมีความคลาสสิคหน่อยๆ เพราะเปิดมานาน ตกแต่งร้านฟิลลิ่งเหมือนย่านเมืองกรุงสมัยก่อน ส่วนรอบ ๆ วงเวียนเสาชิงช้าก็มีทั้งวัดพุทธ วัดแขกที่เป็นจุดไฮไลท์ที่เรียกได้เลยว่า นักท่องเที่ยวชอบมากที่สุด หรือจะเดินทะลุไปฝั่งศาลเจ้าก็มีร้านอาหารดัง ๆ แถมมีร้านของหวานที่คนเยอะที่สุด และรอนานที่สุด อย่าลืมที่จะออกไปหาของกินอร่อย ๆ กันนะ แอบกระซิบเลยว่าถ้ามาช่วงเย็นถึงค่ำไฟตลอด2ข้างทาง สวยมาก

เสาชิงช้า

เสาชิงช้า เป็น สถาปัตยกรรม ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้า ใน พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย ของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยทั่วไปหมายถึงเสาชิงช้าที่ตั้งอยู่หน้า วัดสุทัศน์เทพวราราม และลานหน้า ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ลานคนเมือง) ใกล้กับ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ในพื้นที่แขวงเสาชิงช้าและแขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ กรุงเทพมหานคร

แม้พิธีโล้ชิงช้าได้เลิกไปแล้วตั้งแต่สมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ก็ตาม กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเสาชิงช้าเป็น โบราณสถาน สำคัญของชาติเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 นับตั้งแต่สร้างครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2327 จนถึงการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดซึ่งเสาชิงช้าคู่เดิมถูกถอดเปลี่ยนเมื่อปี พ.ศ. 2549 เสาชิงช้ามีอายุรวมประมาณ 222 ปี

 เสาชิงช้า
เสาชิงช้า ศาสนาพราหมณ์มีความเกี่ยวพันกับชีวิตชาวไทยอยู่มาก เมื่อสร้างกรุงเทพฯ เสร็จแล้วจึงมีการสร้างโบสถ์พราหมณ์ และเสาชิงช้า ในอดีตเสาชิงช้าคือใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครหรือเรียกว่า"สะดือเมือง" โดยถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ตั้งของเทวสถานและโบสถ์ ในศาสนาพราหมณ์ รวมทั้งเสาชิงช้าด้วย ทำให้ "เสาชิงช้า" กลายมาเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของกรุงเทพมหานครมาจนถึงปัจจุบัน โดยเสาชิงช้าที่ว่านี้ เป็นเสาไม้ขนาดใหญ่สีแดง ตั้งอยู่บนแท่นหินขนาดใหญ่ มีความสูง 21.15 เมตร ฐานกลมก่อเป็นฐานปัทม์ทำด้วยหินล้างสีขาว ตามแนวโค้งของฐานติดแผ่นจารึกประวัติเสาชิงช้า เสาไม้แกนกลางคู่และเสาตะเกียบ 2 คู่ เป็นเสาหัวเม็ด ล้วนทำด้วยไม้สักกลึงกลม โครงยึดหัวเสาทั้งคู่แกะสลักสวยงาม กระจังและหูช้างไม้เป็นลวดลายไทย ทั้งหมดทาสีแดงชาด เสาชิงช้าในยุคก่อนใช้เป็นที่ประกอบพิธีโล้ชิงช้าในพระราชพิธี "ตรียัมปวาย ตรีปวาย" ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่สำหรับเสาชิงช้าที่ได้เห็นในปัจจุบันนั้นเป็นเสาต้นใหม่ ซึ่งได้จัดพิธีสมโภขน์ไปเมื่อวันที่ 11-13 กันยายน 2550 วัสดุหลักทำจากไม้สักทองจากเมืองแพร่ ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทาง ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร ส่วนบริเวณใกล้เคียงกับเสาชิงช้า รวมถึงในเขตพระนครส่วนใหญ่ ยังคงสืบทอดสถาปัตยกรรมตามแบบช่วงต้นรัชกาลให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมกันเป็นขวัญตา ขอบคุณข้อมูล และรูปภาพจาก : https://thai.tourismthailand.org/Attraction/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2
0
วัดสุทัศนเทพวราราม

วัดสุทัศนเทพวราราม หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย และถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระนครชั้นใน และอยู่มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ เสาชิงช้า อยู่บริเวณหน้าวัด

วัดเทพมณเฑียร

วัดเทพมณเฑียร ศูนย์รวมจิตใจของชาวฮินดูในเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีเทพ-เทพีศักดิ์สิทธิ์ของฮินดูหลากหลายองค์ โดยผู้คนต่างยกย่องศรัทธา นิยมไปกราบไหว้สร้างกำลังใจให้ตัวเอง และอธิษฐานขอพรให้ชีวิตมีความสุขสมดังหวัง โดยเฉพาะเรื่อง ความรัก และเนื้อคู่ kapook

ศาลเจ้าพ่อเสือ

ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า มีอีกชื่อเรียกว่า ศาลเจ้าพ่อเสือพระนคร ตั้งอยู่ที่ถนนตะนาว แต่เดิมอยู่ที่ถนนบำรุงเมือง มีประวัติความเป็นมาว่าสร้างตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้ขยายถนนบำรุงเมือง ก็ย้ายศาลเจ้าพ่อเสือมาที่ทางสามแพร่งถนนตะนาวนี้ด้วย ที่นี่เป็นศาลเจ้าจีนแต้จิ๋วที่มีอายุเก่าแก่นับร้อยปี และเป็นสถานที่ขอพรแก้ปีชงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ โดยผู้ที่เกิดปีขาล (ปีเสือ) จะมาไหว้เพื่อเสริมดวง เสริมบารมี และยังเป็นที่สำหรับสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงสำหรับผู้ที่เกิดปีวอก (ปีลิง) อีกด้วย kapook

ศาลเจ้าพ่อเสือ
ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าพ่อเสือ (เสาชิงช้า), ศาลเจ้าพ่อเสือ พระนคร หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า ศาลเจ้าพ่อเสือ เป็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่บนถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ชาวจีนเรียกศาลเจ้านี้ว่า "เจ้าพ่อเสือ" (เทพเจ้าใหญ่) โดยเป็นที่ประดิษฐานรูปเอี่ยนเถี้ยนส่งเต้, รูปเจ้าพ่อเสือ, รูปเจ้าพ่อกวนอู และรูปเจ้าแม่ทับทิม ว่ากันว่าศาลเจ้าพ่อเสือตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดให้ขยายถนนบำรุงเมือง ได้โปรดให้ย้ายศาลมาไว้ที่ทางสามแพร่งถนนตะนาว จนถึงปัจจุบัน
0
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางวงเวียนระหว่างถนนราชดำเนินกลางกับถนนดินสอ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นหลักกิโลเมตรศูนย์ ที่ซึ่งเป็นอ้างอิงในการวัดระยะทางจากกรุงเทพมหานคร

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นรูปหล่อลอยตัว ประกอบด้วยรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า สร้างด้วยทองแดง มีความสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน ตั้งบนฐานรูปทรงกลมด้านบนโค้งกลม ลานอนุสาวรีย์ยกสูงมีบันไดโดยรอบ รอบนอกลานอนุสาวรีย์มีครีบทรงแบน อยู่ 4 ทิศ ที่โคนครีบ มีภาพแกะสลักลายปั้นนูน และมีรั้วเตี้ย ๆ กั้นโดยรอบลานอนุสาวรีย์ รั้วนี้ใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอก ฝังดินโผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกัน[5] โดยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ภายในอนุสาวรีย์ประกอบด้วย:[5][4] ปีก 4 ด้าน สูงจากแท่นพื้น 24 เมตร มีรัศมียาว 24 เมตร หมายถึง วันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเกิดเหตุการณ์การปฏิวัติสยาม พานทูนฉบับรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดป้อม กลางตัวอนุสาวรีย์ สูง 3 เมตร หมายถึง เดือน 3 หรือ เดือนมิถุนายน (ขณะนั้นนับเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ตรงกับเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยนั้น และหมายถึง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญ (นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ) ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก (ปากกระบอกปืนฝังลงดิน) โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์ที่มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เลข 75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ. 2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ ลายปั้นนูนที่ฐานครีบทั้ง 4 เน้นถึงเรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหมายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พระขรรค์ 6 เล่ม ที่รายล้อมรอบป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ หมายถึง หลัก 6 ประการของคณะราษฎร อ่างตรงฐานปีกทั้ง 4 ด้านเป็นรูปงูใหญ่ หมายถึง ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นปีมะโรง หรือ ปีงูใหญ่
0
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์

อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นอาคาร 4 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับวัดราชนัดดาราม จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ได้นำเสนอเรื่องราวด้านต่างๆ แห่งยุครัตนโกสินทร์ ผ่านห้องจัดแสดง ซึ่งตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองกัน

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์
นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นอาคาร 4 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับวัดราชนัดดาราม จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ [1] การจัดแสดง นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ได้นำเสนอเรื่องราวด้านต่างๆ แห่งยุครัตนโกสินทร์ ผ่านห้องจัดแสดง ซึ่งตั้งชื่อไว้อย่างคล้องจองกัน โดยเส้นทางที่ 1 (หมายเลข 1-7) เปิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553 เส้นทางที่ 2 (หมายเลข 8-9) เปิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554 โดยรายละเอียดของห้องจัดแสดง มีดังนี้ รัตนโกสินทร์เรืองโรจน์ (Grandeur Rattanakosin) จัดแสดงภาพยนตร์สื่อผสม 4 มิติ นำเสนอประวัติความเป็นมาของการกำเนิดกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกรุงศรีอยุธยา ด้วยพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งบรมราชจักรี เกียรติยศแผ่นดินสยาม (The Prestige of the Kingdom) จัดแสดงความวิจิตรอลังการของพระบรมมหาราชวัง ตามคติความเชื่อในความเป็นสมมติเทพของพระมหากษัตริย์ ที่สะท้อนผ่านงานด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนประวัติของพระแก้วมรกต เรื่องราวของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเกร็ดน่ารู้ น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตในวัง เรืองนามมหรสพศิลป์ (Remarkable Entertainments) จัดแสดงความเป็นมา และรูปแบบของมหรสพสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์หลากหลายประเภท ตลอดจนวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของมหรสพและการแสดงประเภทต่างๆ ในแต่ละยุคสมัย ซึ่งบูรณาการและแตกสายจนมีความงาม และลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป ลือระบิลพระราชพิธี (Renowned Ceremonies) จัดแสดงที่มาและความสำคัญของพระราชพิธี รวมทั้งเกร็ดความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีสำคัญๆของกรุงรัตนโกสินทร์ สง่าศรีสถาปัตยกรรม (Graceful Architectures) จัดแสดงรูปแบบสถาปัตยกรรมในยุครัตนโกสินทร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของสยามประเทศ ผ่าน วัง วัด บ้าน แห่งยุคสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงสอดรับกับปัจจัยแวดล้อม ความเจริญทางด้านเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจากต่างประเทศ จนทำให้วัง วัด บ้าน ในกรุงรัตนโกสินทร์ มีลักษณะหลากหลายดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน ดื่มด่ำย่านชุมชน (Impressive Communities) จัดแสดงความเป็นมาและเอกลักษณ์ของชุมชนบนเกาะรัตนโกสินทร์ เพียงแค่ก้าวเท้า ไปยังจุดที่ตั้งของชุมชน จะปรากฏลวดลายสวยงาม นำผู้ชมไปทำความรู้จักชุมชนนั้น พร้อมชื่นชมผลงานการรังสรรค์จากชุมชนต่างๆ ซึ่งบางชิ้นหาชมได้ยากในปัจจุบัน เยี่ยมยลถิ่นกรุง (Sight-Seeing Highlights) รวบรวมและนำเสนอ สถานที่น่าสนใจบนเกาะรัตนโกสินทร์ หลายรูปแบบ ทั้งสถานที่ที่น่าสนใจในเชิงสถาปัตยกรรมอันสวยงาน สวนสาธารณะยอดนิยม พิพิธภัณฑ์ที่ควรเยี่ยมชม แหล่งรวมอาหารการกินและจับจ่ายสินค้า ตลอดจนย่านที่เป็นสีสันในยามค่ำคืน ซึ่งแต่ละสถานที่ต่างก็มีบรรยากาศอันชวนให้หลงใหลในแบบฉบับของตัวเอง เรืองรุ่งวิถีไทย (The Colorful Thai Way of Living) รวบรวมและนำเสนอวิถีชีวิตของคนไทย นับตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จวบจนถึงปัจจุบันผ่านมัลติทัชเกมการเรียนรู้ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ปัจจัยและอิทธิพลต่างๆ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนไทยในแต่ละยุคสมัย ดวงใจปวงประชา (The Heart and Soul of the Nation) รวบรวมและนำเสนอเรื่องราว พระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทั้ง ๑๐ รัชกาล ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน การให้บริการ อาคารนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00 - 17.00 น. โดยนอกจากนิทรรศการหลัก ภายในอาคารยังมีจุดที่น่าสนใจ และบริการเสริม อาทิ ห้องสมุดนิทรรศน์รัตนโกสินทร์ เป็นห้องสมุดเฉพาะด้าน ที่รวบรวมหนังสือ สื่อมัลติมีเดีย เกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โถงกิจกรรมอเนกประสงค์ ขนาด 300 ตรม. สำหรับจัดนิทรรศการหรือกิจกรรมหมุนเวียน ตลอดปี จุดชมทิวทัศน์ ชั้น 4 ที่สามารถชมทัศนียภาพของถนนราชดำเนิน และสถาปัตยกรรมในมุมมองกว้าง บริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าของที่ระลึก
0
ตลาดตรอกหม้อ

ตลาดตรอกหม้อ หรือ ตลาดเทศา มีชื่อทางการว่า ชุมชนราชบพิธพัฒนา เป็นชุมชนและตลาดสดในกรุงเทพ ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่คึกคักและเก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่ในแขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร หรือเกาะรัตนโกสินทร์ ย่านเมืองเก่าของกรุงเทพ ตลาดนี้ถือเป็นหนึ่งในตลาดสดในกรุงเทพส่วนในร่วมกับปากคลองตลาดและตลาดท่าเตียน ตลาดนี้ตั้งอยู่ริมซอยเทศา ติดกับถนนราชบพิธ ใกล้วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และเชื่อมกับถนนบำรุงเมืองในพื้นที่ใกล้เสาชิงช้าและวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหารกับศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น

เสาชิงช้า Guidebook เดินเมือง

เดินเปิดโลกย่านเสาชิงช้า ย่านที่คิดถึงเรื่องของร้านอาหารก็มีเต็มตลอดข้างทาง แต่ละร้านคือมีความคลาสสิคหน่อยๆ เพราะเปิดมานาน ตกแต่งร้านฟิลลิ่งเหมือนย่านเมืองกรุงสมัยก่อน ส่วนรอบ ๆ วงเวียนเสาชิงช้าก็มีทั้งวัดพุทธ วัดแขกที่เป็นจุดไฮไลท์ที่เรียกได้เลยว่า นักท่องเที่ยวชอบมากที่สุด หรือจะเดินทะลุไปฝั่งศาลเจ้าก็มีร้านอาหารดัง ๆ แถมมีร้านของหวานที่คนเยอะที่สุด และรอนานที่สุด อย่าลืมที่จะออกไปหาของกินอร่อย ๆ กันนะ แอบกระซิบเลยว่าถ้ามาช่วงเย็นถึงค่ำไฟตลอด2ข้างทาง สวยมาก