BKK Jerlant

25 Mar 2024 11:29:47
สุกี้โบราณ 4 ร้านในตำนานที่คนรักสุกี้ห้ามพลาด!
0
กำลังได้รับความสนใจ
สถานที่น่าสนใจ 4 แห่ง

แผนที่

เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955
เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955 เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955 เจ้าแรกในเมืองไทย ลือชื่อโอชารส เปิดขายสุกี้มานานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2498 ขายมาตั้งแต่รุ่นอากง จนตกทอดมาถึงรุ่นหลาน ก็ยังคงสืบทอดสุกี้สไตล์จีนไหหลำไว้ได้เป็นอย่างดี ร้านนี้เรียกได้ว่าปรุงอาหารแบบสไตล์ “โฮมมี่ไชนีสสุกี้” นำเสนอสุกี้ไหหลำที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เน้นเครื่องการหมักเนื้อ โดยทางร้านพิถีพิถันเรื่องการเลือกเฟ้นเนื้อสัตว์ที่ดี มีคุณภาพ เน้นความสดใหม่เป็นหัวใจสำคัญ คัดเลือกเนื้อสัตว์ส่วนที่มีความนุ่มเหมาะแก่การนำมาต้ม เลาะเอามันออกเหลือแต่เนื้อล้วนๆ แล้วหมักกับเครื่องสูตรเด็ดเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยว น้ำมันงา และไข่ ซึ่งที่นี่เลือกใช้ไข่ซีลีเนียม เป็นไข่ไก่สดที่ได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียมที่มีคุณค่าสำคัญต่อสุขภาพ กินแล้วดีต่อร่างกาย อีกหนึ่งจุดเด่นของสุกี้ไหหลำก็อยู่ที่น้ำจิ้ม ซึ่งน้ำจิ้มสุกี้ของที่นี่มีให้เลือก 3 แบบ คือ มีน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เป็นน้ำจิ้มเผ็ดสูตรดั้งเดิม รสชาติออกเผ็ดเค็ม มีกลิ่นหอมของเต้าหู้ยี้อ่อนๆ แบบที่ 2 เป็นน้ำจิ้มหวานสูตรโบราณ รสชาติออกหวานเปรี้ยว และแบบที่ 3 เป็นน้ำจิ้มไม่เผ็ดสูตรเต้าหู้ยี้ เหมาะกับเด็กหรือคนที่ไม่กินเผ็ด ซึ่งน้ำจิ้มทั้ง 3 แบบนี้ สามารถนำมาผสมกันเองได้ตามชอบใจ จะได้น้ำจิ้มรสชาติใหม่ที่กลมกล่อมถูกลิ้น การมากินสุกี้ที่ร้านนี้ ก็เหมือนกับเวลาไปกินสุกี้ทั่วไป คือมีโต๊ะนั่งพร้อมกับมีเตาและหม้อสุกี้ให้ ซึ่งที่นี่จะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ ถ้ามากินคนเดียวก็มีโต๊ะนั่งแบบที่มีหม้อสุกี้เล็กๆ ให้ได้นั่งกินคนเดียวแบบเป็นส่วนตัว หรือแบบโต๊ะใหญ่แต่ก็มีหม้อแบบส่วนตัวแยกให้แต่ละคน หรือถ้ามากินกันหลายคนก็มีโต๊ะนั่งแบบมีหม้อใหญ่พร้อมติดตั้งเครื่องดูดควันให้ได้นั่งกินร่วมกัน และยังมีห้องส่วนตัวให้บริการด้วย สำหรับเมนูสุกี้ของที่นี่มีหลากหลายรายการให้เลือกสั่ง สามารถเลือกเนื้อสัตว์ต่างๆ ผักต่างๆ ลูกชิ้นต่างๆ และเครื่องอื่นๆ มากมาย ที่มีอยู่ในเมนู ซึ่งทางร้านเลือกสรรมาอย่างดีให้ได้ลิ้มลอง โดยมีเมนูเด่นๆ ที่แนะนำว่าควรสั่งมาลองลิ้มกันให้ได้ก็มี เนื้อหมูล้วนหมักพิเศษ (จานเล็ก 140 บาท จานกลาง 200 บาท จานใหญ่ 240 บาท) เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกหมักกับเครื่องสูตรพิเศษ และตอกไข่ซีลีเนียมใส่มาด้วย เวลากินก็คลุกเคล้าเนื้อหมูให้เข้ากับไข่ แล้วเททั้งหมดลงในหม้อน้ำซุปกระดูกไก่ เลือกสั่งผักมาใส่ได้ตามความต้องการ ต้มจนสุกจะได้ลิ้มรสสุกี้ที่ความเข้มข้นด้วยเนื้อไข่ที่ลอยอยู่ในน้ำซุป ได้กลิ่นหอมๆ จากเครื่องหมัก กินเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มนิ่มละมุนปากมาก ได้รสชาติเครื่องหมักกลมกล่อมลิ้น ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมหวานคล่องคอดีจริง กินกับน้ำจิ้มสุกี้ ยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อย ส่วนถ้าใครชอบกินเนื้อวัว แนะนำจานนี้ เนื้อวัวล้วนหมักพิเศษกับหมึกกรอบ (จานกลาง 225 บาท จานใหญ่ 265 บาท) ในจานนี้มีทั้งเนื้อวัวส่วนลุกมะพร้าว เป็นเนื้อล้วนๆ หมักกับเครื่องหมักสูตรเด็ด และมีหมึกกรอบที่มาแบบชิ้นใหญ่ๆ มีไข่ซีลีเนียม ใส่เครื่องทุกอย่างที่คลุกเคล้าจนเข้ากันลงไปต้มในน้ำซุป พอเนื้อสุกได้ที่ คีบเข้าปาก สัมผัสได้ถึงเนื้อที่นุ่มมากเคี้ยวหนึบหนับปากดีจริง ส่วนหมึกกรอบเคี้ยวเด้งกรึบโดนใจ แล้วยังมีพวกลูกชิ้นต่างๆ ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอร่อยปาก ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นกุ้ง (60 บาท) ที่ทำจากเนื้อกุ้งบดล้วนๆ เต้าหู้หน้ากุ้ง (60 บาท) เป็นเต้าหู้พาสเจอร์ไรซ์ใส่เนื้อกุ้งบดโปะหน้าหั่นเป็นชิ้นทาด้วยไข่ขาว สาหร่ายยัดไส้ นอกจากสุกี้ที่มีเครื่องเคราต่างๆ ให้เลือกสั่งหลายหลากรายการแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารจานเดียวเป็นเมนูพิเศษที่ทางร้านคิดขึ้นมาให้ได้สั่งมากินกัน ที่ชวนชิมก็มี เปาะเปี๊ยะสวรรค์ (จานเล็ก 120 บาท จานใหญ่ 195 บาท) แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะห่อด้วยไส้กุ้งทอดกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมน้ำจิ้มบ๊วย กินเปาะเปี๊ยะกรอบนอกนุ่มใน ได้รสชาติกุ้งแน่นๆ ของทอดอีกอย่างที่น่ากินคือ เกี๊ยวกุ้งทอด (185 บาท) แผ่นแป้งเกี๊ยวห่อด้วยไส้กุ้งบดเอาแต่เนื้อล้วนๆ ทอดมาแบบเหลืองกรอบ กินตอนร้อนๆ กรอบกรุบเคี้ยวมันปากได้รสชาติกุ้งเต็มปากเต็มคำ จิ้มน้ำจิ้มบ๊วยเพิ่มรสชาติถูกปากยิ่งขึ้น หมูผัดน้ำมันหอย (150 บาท) เมนูนี้ก็ชวนกินไม่น้อย เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกหมักกับเครื่องหมักสูตรพิเศษนานเป็นวัน นำมาผัดกับน้ำมันหอย ใส่พริกชี้ฟ้าแดง ต้นหอม และขึ้นฉ่าย ลิ้มรสเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มปากได้รสชาติเข้มข้นเครื่องหมักถูกปากโดนใจ ถ้าใครชอบกินข้าวผัด แนะนำ ข้าวผัดปูกุ้ง (จานเล็ก 120 บาท จานกลาง 170 บาท จานใหญ่ 240 บาท) ทางร้านนำข้าวหอมมะลิผสมผัดใส่ไข่ซีลีเนียม ใส่ต้นหอม เนื้อปูล้วนๆ และกุ้ง ผัดมาแบบแห้งๆ สไตล์ข้าวผัดจีน กินข้าวผัดหอมๆ ข้าวเป็นเม็ดไม่แฉะเคี้ยวนุ่มปากรสชาติกลมกล่อม มีกุ้งและเนื้อปูให้กินแบบเต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มท้องอีกมากมาย อาทิ หมูทอดกระเทียม (150 บาท) ยำเนื้อ (จานกลาง 170 บาท จานใหญ่ 240 บาท) เนื้อนุ่มหมัก Black Label (440 บาท) เนื้อนุ่มหมัก Hennessy (595 บาท) ฯลฯ หากว่าใครชื่นชอบกินสุกี้ ขอแนะนำว่าร้าน “เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955” แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งร้านสุกี้ที่น่าสนใจ ชวนให้มากินแบบอิ่มอุ่นท้อง
0
สุกี้เรือนเพชร
สุกี้เรือนเพชร เยาวราชเวลานั้นมีร้านสุกี้เจ้าดังเพียงแค่ 1-2 ร้าน ด้วยเหตุที่มีความคุ้นเคยกับอาหารประเภทนี้ ประกอบกับความมั่นใจในฝีมือครัวของตนเอง อากงซี้อไช้ จึงหมายมั่นคิดเปิดร้านสุกี้โบราณที่อร่อย เป็นลู่ทางธุรกิจที่มั่นคงให้กับครอบครัวต่อไป ดังนั้น ทุกวันอาทิตย์ที่ร้านค้าริมถนนทรงวาดหยุดให้บริการ ‘อากงซื้อไช้’ จึงใช้เวลาทั้งวันซื้อหาวัตถุดิบและอยู่ในครัวเพื่อคิดค้น สูตรเต้าเจี้ยว และ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ ของตัวเอง จนเมื่อมั่นใจในรสชาติ ก็นำไปให้เพื่อนที่สนิทกันชิม ด้วยความมั่นใจว่าต้องได้รับคำชมว่าอร่อย แต่ผิดคาด เสียงตอบรับที่ได้..ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง อากงซื้อไช้พยายามปรับสูตรเต้าเจี้ยวและน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เคยได้รับคำชมเชิงบวกกลับมา คุณพงศ์ธรรศบันทึกไว้ว่า ความเหนื่อยล้าทำให้อากงรู้สึกท้อแท้และเริ่มหมดหวัง วันหนึ่งอากงตั้งใจทำสุกี้โบราณของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เดิมพันกับตัวเองว่าถ้าครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ จะล้มเลิกความตั้งใจเปิดร้านสุกี้และกลับไปขายสินค้าเกษตรที่ถนนทรงวาดดังเดิม อากงติดต่อเพื่อนกลุ่มเดิมหลายสิบคนมาช่วยชิมสุกี้อีกครั้ง ใช้เวลาครึ่งวันเดินซื้อวัตถุดิบในตลาดเก่าเยาวราช ในใจคิดว่าอย่างน้อยถ้าจะเป็นครั้งสุดท้าย ก็ขอเดิมพันด้วยฝีมือทั้งหมดที่มีและวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่ตัวเองจะหาได้ การทดสอบรสชาติครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมานิดเดียว ตรงที่อากงให้ลูกน้องไปซื้อสุกี้ร้านที่เปิดอยู่แล้วมา 1 ถุง แล้วเทสุกี้ใส่ลงในชามที่อากงใช้อยู่ประจำ แล้วนำสุกี้ที่ปรุงเองเทกลับลงไปในถุงที่มีชื่อร้านนั้นแทน เมื่อนำสุกี้ในชามมาวางบนโต๊ะ และเทสุกี้ในถุงใส่ชามอีกใบ สิ่งที่อากงเชื่อมั่นมาเกือบสองปี..จึงได้รับคำตอบ “สุกี้ที่เพิ่งเทออกจากถุง..ก็ยังอร่อยกว่าเหมือนเดิม” นอกจากมีฝีมือทำอาหาร อากงซื้อไช้ยังล้ำหน้าด้วยการนำเทคนิค ‘แบรนดิ้ง’ มาทดสอบตลาดตั้งแต่เมื่อห้าสิบปีก่อน 162461357679 เรือนเพชรสุกี้ เดือนมิถุนายน พ.ศ.2564 ป้ายชื่อร้านรูปแบบคลาสสิกบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ที่มาของชื่อ ‘เรือนเพชร’ เมื่อมั่นใจในรสชาติ อากงจึงเริ่มหาสถานที่เพื่อเปิดร้านของตนเอง กรุงเทพฯ พ.ศ.2511 ตัวเมืองกำลังขยายความเจริญออกไปในแนวราบ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพิ่งเปิดใช้ครบ 5 ปี ช่วงกลางวันแทบไม่มีรถสัญจรผ่าน แต่ช่วงกลางคืนกลับมีรถยนต์จอดเรียงรายเต็มยาวสองฝั่งถนน ด้วยความเป็นย่านสถานบันเทิงยามราตรี มีทั้งคนไทยที่มาเที่ยวและทหารอเมริกันยุคสงครามอินโดจีน อากงใช้เวลาเกือบเดือนเฝ้าดูความเป็นไปของ ‘ถนนเพชรบุรีตัดใหม่’ จนมั่นใจว่าถนนเส้นนี้เหมาะกับการเปิดร้านอาหารของตัวเอง ลูกค้าน่าจะอยากหาอะไรร้อนๆ กินก่อนกลับบ้าน หรือกินแล้วไปเที่ยวต่อ กระทั่งพบตึกแถวขนาด 2 คูหาติดป้ายตัวโตว่า ‘เซ้ง’ อากงจึงหมายตาลงหลักปักร้านสุกี้ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ด้วยความที่ต้องย้ายจากต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ อากงจึงหมายใจให้ร้านแห่งนี้เป็นบ้านเรือนสำหรับอยู่อาศัยด้วย เป็นที่มาของชื่อร้าน เรือนเพชร เรือน : ความหมายของบ้านเรือน เพชร : คำในชื่อถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นับจากวันนั้นสถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นที่ตั้งของร้าน เรือนเพชร จวบจนถึงปัจจุบัน 53 ปี ไม่เคยย้ายไปไหน 162461381659 บรรยากาศร้านคงความดั้งเดิมไว้ เปลี่ยนแต่หม้อต้มไฟฟ้าตามกฎหมายการใช้แก๊สในร้านอาหาร ร้านแห่งครอบครัว และการ ‘นัดเดท’ คล้ายสำรับไทยที่ดึงสมาชิกในครอบครัวมานั่งล้อมวงรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน พูดจาสอบถามสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน แต่การกิน ‘สุกี้’ ยังเปิดโอกาสให้คนในครอบครัวมีกิจกรรมหรือประสบการณ์ร่วมกันบนโต๊ะอาหาร นั่นก็คือการปรุงอาหารร่วมกัน หรือปรุงสุกี้ร่วมกัน เช่น การหยิบผัก คีบเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ลูกชิ้น ใส่ลงในหม้อน้ำซุปที่ตั้งกลางโต๊ะ พ่อแม่ช่วยลูกที่ยังเล็กปรุงสุกี้ ลูกหลานช่วยปรุงให้ผู้ใหญ่ นอกจากครอบครัวจะพากันมากินสุกี้โบราณตำรับไห่หนาน ‘เรือนเพชร’ ยังเป็นร้านอาหารที่หนุ่มเท่ยุคนั้นเลือกนัดแฟนสาวมา ‘ออกเดท’ คุณพงศ์ธรรศสันนิษฐานว่า เพราะเมื่อ 50 ปีก่อน ร้านอาหารอร่อยที่สะดวกสบายอาจจะยังมีไม่มาก 162461871567 รูปแบบการปรุงสุกี้ เสน่ห์ที่ชวนรับประทานทั้งรสชาติและกลิ่นหอมของน้ำซุป นับตั้งแต่วันเปิดร้าน ‘เรือนเพชร’ ก็ให้บริการสุกี้โบราณตำรับไห่หนานในรูปแบบเดียวกันจนถึงปัจจุบัน คือการคลุกเคล้าเนื้อหมูเนื้อวัวที่หมักนุ่มด้วยแป้ง-น้ำมันงา ให้เข้ากับเต้าเจี้ยวบดปรุงรสและไข่ไก่สด ก่อนใช้ตะเกียบค่อยๆ เกลี่ยลงในหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่าน ตามด้วยเครื่องเคียงต่างๆ วัตถุดิบบางอย่างยังคงผูกพันกับตลาดเก่าเยาวราช แม้แต่ คนทำเต้าเจี้ยวปรุงรส ก็ยังเป็นคนเดียวกับตอนที่คุณปู่เปิดร้าน ทุกวันนี้ก็ยังทำเต้าเจี้ยวอยู่ รสชาติทุกอย่างเหมือนเดิม จะมีที่ไม่เหมือนเดิมก็ตรงหลังจากมี กฎหมายเรื่องการใช้แก๊สในร้านอาหาร จากที่เคยบริการด้วยการเดินท่อแก๊สไปตามโต๊ะ ก็เปลี่ยนเป็นการใช้ หม้อต้มไฟฟ้า แทนการใช้ท่อแก๊ส 162461421187 เต้าเจี้ยวบดปรุงรส และ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ ความพิถีพิถันเต้าเจี้ยวบดปรุงรส-น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ คนทำ เต้าเจี้ยวบดปรุงรส แม่นสูตรอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความชำนาญในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วย “ความพิถีพิถันในการทำเต้าเจี้ยวของเรายังเป็นลักษณะ Old School (ดั้งเดิม) คนจีนทำกันเอง ยังไม่เป็นโรงงานใหญ่ ยังผสมด้วยมือ แต่เรามีการชั่งตวงวัดทุกครั้ง ทำทุกรอบรสชาติเหมือนกันเป๊ะ คนที่ทำก็ยังเป็นคนเดิม คนไม่มีประสบการณ์เขาอาจมีสูตร แต่เต้าเจี้ยวและเครื่องปรุงบางอย่างรสชาติจะเปลี่ยนไปตามฤดู เช่น พริก ความเผ็ด-หอมไม่เท่ากันในแต่ละฤดู ก็อยู่ที่ประสบการณ์ของพ่อครัวแต่ละคนจะสามารถแก้ไขรสชาติบางอย่างที่เพี้ยนไปตามฤดูให้กลับมาเป็นปกติได้ไหม ตรงนี้ถึงแม้บางคนมีสูตร แต่ว่าสุดท้ายแล้วรสชาติก็อาจไม่หมือนกับคนประจำทำ” คุณพงศ์ธรรศ กล่าว เรือนเพชร มีคนทำ ‘เต้าเจี้ยวบดปรุงรส’ เป็นด้วยกัน 3 คน และเป็นสามคนที่ทำมาตั้งแต่ร้านเปิด คนแรกสุดคือพ่อครัวที่ช่วย ‘อากงซื้อไช้’ มาตั้งแต่เปิดร้าน แล้วก็มีน้องชายพ่อครัวเข้ามาช่วย อีกคนเป็นพนักงานเก่าแก่ของร้านที่อยู่กันมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ละคนเคยได้รับการทาบทาม ‘ซื้อตัว’ แต่ด้วยความทำงานกับอากงมานาน รักอากง เหมือนมีสัญญาใจต่อกัน จึงไม่มีใครยอมไปจาก ‘เรือนเพชร’ 162461843053 เต้าเจี้ยวบดปรุงรสสูตรเฉพาะ ไข่แดง คลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์หมักนุ่ม คุณพงศ์ธรรศ กล่าวว่า เต้าเจี้ยวบดปรุงรส ชิมดูก็รู้ว่าคือ เต้าเจี้ยว ผงพะโล้ กระเทียม ร้านสุกี้ตำรับไห่หนานก็ใช้วัตถุดิบหลักสามชนิดนี้เหมือนกัน แต่ด้วยอัตราส่วนของคุณปู่ทำให้เต้าเจี้ยวบดปรุงรสของ ‘เรือนเพชร’ มีรสชาติเฉพาะตัวที่ครองใจนักชิมต่อเนื่องมา 53 ปี เต้าเจี้ยวบดปรุงรส เมื่อทำแล้วควรใช้ให้หมดในสองอาทิตย์ ถ้าเก็บนานไป รสชาติจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนใช้ไม่ได้ สำหรับเรือนเพชรทำเต้าเจี้ยวบดปรุงรส 1 ถัง ใช้ 2-3 วันก็หมดแล้ว ดังนั้นเต้าเจี้ยวปรุงรสที่ร้านใช้จึงทำสดใหม่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ ก็ทำสดใหม่ ไม่ทันเก็บจนเก่า “น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ก็ทำใหม่ทุกครั้งเหมือนกัน ตอนนี้เรามีหลายสาขา ลูกค้าถามน้ำจิ้มทำอย่างไร ทำไมบางสาขาไม่เหมือนกันเลย ซึ่งจริงๆ แล้วทุกอย่างทำออกจากที่นี่ที่เดียว (เรือนเพชร ถนนเพชรบุรีตัดใหม่) คนที่ทำคือคนเดียว สูตรจะเป๊ะหมด แยกหน้าที่กับคนทำเต้าเจี้ยว สาขาขอเบิกน้ำจิ้ม วันนี้สั่งมา วันรุ่งขึ้นตอนเช้าเราทำเลย น้ำจิ้มเราใช้พริกขี้หนู พริกแดง กระเทียม มีกระบวนการหมัก หนึ่งสัปดาห์เราหมักหนึ่งครั้ง ทำไว้เลย 10-20 ถัง เวลาจะใช้คือทำวันต่อวัน เอาพริกที่หมักไว้มาใส่เต้าหู้ยี้ น้ำมันงา ตามสูตรที่คุณปู่สร้างไว้ ทำเสร็จก็ส่งไปสาขา ทุกรอบรสชาติเหมือนกัน เป็นวิธีการควบคุมคุณภาพ” ปัจจุบัน เรือนเพชร มีด้วยกัน 4 สาขา คือร้านดั้งเดิมที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นเสมือนครัวกลาง, อีก 3 สาขาได้แก่ สาขาถนนศรีนครินทร์, สาขาเซ็นทรัล บางนา และ พระราม 2
0
ไล่เฮงโภชนา
ไล่เฮงโภชนา ไล่เฮง ร้านกุ๊กช็อปจีนไหหลำ สุดยอดตำนานแห่งสุกี้โบราณอีกแห่งที่นับวันจะหาร้านเทียบยาก สุกี้โบราณสไตล์ไหหลำที่มีทั้งหมูและเนื้อ ใช้เตาถ่าน ต้มมาร้อนระอุ แอดไม่ทานเนื้อวัว เลยสั่งเป็นชุดหมู=>ราคา300 บาท (ราคาคงเดิม ไม่ขึ้นราคาช่วงหมูแพง) หมูชิ้นใหญ่ /เล็ก แต่หั่นหนา เนื้อหมูหมักมานุ่มมาก ต้มกับไฟเตาถ่าน แรงคงที่ กลิ่นของสุกี้ที่ต้มเตาถ่านสุดหอม ในชุดหมูมีไข่ไก่3ฟอง ก่อนต้ม ตีไข่ราดหมูก่อน ใส่ผัก ต้นหอม จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ สุดอร่อยจริงๆๆ อีกหนึ่งเมนูที่อร่อยสุดๆ คือหมูผัดต้นหอม 200.-(จานนี้มีหมู/เนื้อ) ชอบรสชาติมาก กลมกล่อม มีกลิ่นพริกไทย อ่อนๆ ส่วนชิ้นหมูก็หมักมานุ่ม ตบท้ายมื้ออีกจาน ด้วยโกยซีหมี่กุ้ง เส้นบะหมี่ทอด พร้อมหน่อไม้กระป๋อง จะใส่กุ้ง/ไก่ ก็มีหมด ก่อนทานเหยาะจิ๊กโฉ่วสักนิด แนะนำเมนู เนื้อผัดน้ำมันหอย เนื้อนุ่มมาก นุ่มแบบละลายในปาก ผัดมาแบบพอดีปรุงด้วยน้ำมันหอย รสชาติเข้มข้นสุด ใครมาก็ต้องสั่งเมนูนี้ สุกี้หมูราคา300บาท ให้เยอะนะคุ้มราคาอ่ะแหละ กิน2คนได้ชิวๆเลย ส่วนเนื้อผัดน้ำมันหอย 200บาท จานใหญ่ ให้เยอะพอสมควร คุ้มค่าความอร่อย
0

Your STAMM Book

มาสะสม STAMM เพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวดีๆ ระหว่างทางกัน

เจริญไทยสุกี้

เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955

สุกี้เรือนเพชร

ไล่เฮงโภชนา

สุกียากี้ หรือมักจะเรียกโดยย่อว่า สุกี้ เป็นอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ เต้าหู้ ผัก วุ้นเส้น ไข่ กินกับน้ำจิ้ม เป็นอาหารยอดนิยมในเอเชียมีหลายแบบ ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในเมืองไทยเป็นสุกี้แบบจีนและแบบญี่ปุ่น สำหรับสุกี้โบราณเป็นแบบจีน เป็นเมนูที่นำผักและเนื้อสัตว์ที่หมักกับไข่มาต้นรวมในหม้อ แล้วทานคู่กับน้ำจิ้มแบบเป็นเอกลักษณ์ที่มีงาเป็นส่วนผสม โดยเมนูสุกี้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วนทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ วิตามินและเส้นใยจากผัก

ช่วงที่ชาวจีนอพยพหนีความยากจนเข้ามาประเทศไทย สุกี้โบราณสูตรจากประเทศจีน ก็เข้ามาด้วย องค์ประกอบสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของสุกี้โบราณ คือ เต้าเจี้ยว มีลักษณะเป็นเต้าเจี้ยวบดปรุงรสที่ใช้คลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์ และ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เครื่องจิ้มสำหรับชูรสวัตถุดิบต่างๆ หลังจากต้มให้สุกในน้ำซุปไก่ ‘เต้าเจี้ยวบด’ กับ ‘น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้’ นี่เองที่รสชาติจะแตกต่างกันไปตามสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน

ปัจจุบันเมนูสุกี้เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมสูง มีการดัดแปลงสูตรการปรุง และสูตรน้ำจิ้มให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น จึงร่วมสมัยมากขึ้น และบางร้านที่กำลังติดตลาดก็เป็นร้านประเภทบุฟเฟต์ที่ลูกค้าต่อคิวกันมากมาย วันนี้เราขอนำเสนอ สุกี้โบราณ ที่อร่อย และเปิดมาอย่างยาวนาน และเคยเป็นที่นิยมในอดีตด้วย มาให้ได้เลือกไปรับประทานกัน ไปดูกันเลย

เจริญไทยสุกี้
Table of Contents
สุกี้โบราณ 4 ร้านในตำนานที่คนรักสุกี้ห้ามพลาด!

ร้านแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของเมนูสุกี้หม้อไฟแบบโบราณ ที่เป็นสูตรพิเศษเฉพาะของทางร้านที่คิดค้นขึ้นมาเอง ไม่มีร้านไหนเหมือน ชวนกินเป็นอย่างยิ่ง และที่ร้านนี้ก็เน้นนำเสนออาหารจีน รวมถึงยังมีอาหารไทย และอาหารมังสวิรัติ มีเมนูมากมายกว่า 100 รายการให้ได้เลือกอิ่มอร่อยกัน เป็นสุกี้หม้อไฟที่จัดเสิร์ฟมาแบบเป็นชุดใหญ่ คือ มีหม้อไฟที่มีน้ำซุปกระดูกหมู ต้มเคี่ยวกับอ้อยสด และผักกาดขาว เคี่ยวเป็นวันจนได้น้ำซุปหอมๆ ออกสีเหลืองนิดๆ และสุกี้ตามที่สั่งมาก็มีเครื่องเคราหลายอย่าง

เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955

ร้านสุกี้ไหหลำที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การ "หมักเนื้อ" พอต้มน้ำซุปเดือดเทเนื้อลงไปจากนั้นใส่ผักและวัตถุดิบที่ชอบ เนื้อหมักกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด ที่มีรสเผ็ดเค็มหอมกลิ่นเต้าหู้ยี้ สุกี้ไหหลำ เป็นอะไรที่น่าประทับใจ ประวัติร้านเริ่มต้นจากอากงชื่อ เอี้ยวฮั้ว แซ่ก๊วย โล้สำเภาจากเมืองจีนมาปักหลักอยู่ที่เยาวราชขายโจ๊กเนื้อก่อน ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นล้อมวงกิน สุกี้ยากี้ พวกเขามาขอเนื้อไปใส่สุกี้ แล้วบอกว่าเนื้ออร่อยมาก

เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955
เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955 เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955 เจ้าแรกในเมืองไทย ลือชื่อโอชารส เปิดขายสุกี้มานานตั้งแต่ปีพ.ศ. 2498 ขายมาตั้งแต่รุ่นอากง จนตกทอดมาถึงรุ่นหลาน ก็ยังคงสืบทอดสุกี้สไตล์จีนไหหลำไว้ได้เป็นอย่างดี ร้านนี้เรียกได้ว่าปรุงอาหารแบบสไตล์ “โฮมมี่ไชนีสสุกี้” นำเสนอสุกี้ไหหลำที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตรงที่เน้นเครื่องการหมักเนื้อ โดยทางร้านพิถีพิถันเรื่องการเลือกเฟ้นเนื้อสัตว์ที่ดี มีคุณภาพ เน้นความสดใหม่เป็นหัวใจสำคัญ คัดเลือกเนื้อสัตว์ส่วนที่มีความนุ่มเหมาะแก่การนำมาต้ม เลาะเอามันออกเหลือแต่เนื้อล้วนๆ แล้วหมักกับเครื่องสูตรเด็ดเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยว น้ำมันงา และไข่ ซึ่งที่นี่เลือกใช้ไข่ซีลีเนียม เป็นไข่ไก่สดที่ได้รับการเสริมแร่ธาตุซีลีเนียมที่มีคุณค่าสำคัญต่อสุขภาพ กินแล้วดีต่อร่างกาย อีกหนึ่งจุดเด่นของสุกี้ไหหลำก็อยู่ที่น้ำจิ้ม ซึ่งน้ำจิ้มสุกี้ของที่นี่มีให้เลือก 3 แบบ คือ มีน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เป็นน้ำจิ้มเผ็ดสูตรดั้งเดิม รสชาติออกเผ็ดเค็ม มีกลิ่นหอมของเต้าหู้ยี้อ่อนๆ แบบที่ 2 เป็นน้ำจิ้มหวานสูตรโบราณ รสชาติออกหวานเปรี้ยว และแบบที่ 3 เป็นน้ำจิ้มไม่เผ็ดสูตรเต้าหู้ยี้ เหมาะกับเด็กหรือคนที่ไม่กินเผ็ด ซึ่งน้ำจิ้มทั้ง 3 แบบนี้ สามารถนำมาผสมกันเองได้ตามชอบใจ จะได้น้ำจิ้มรสชาติใหม่ที่กลมกล่อมถูกลิ้น การมากินสุกี้ที่ร้านนี้ ก็เหมือนกับเวลาไปกินสุกี้ทั่วไป คือมีโต๊ะนั่งพร้อมกับมีเตาและหม้อสุกี้ให้ ซึ่งที่นี่จะมีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายแบบ ถ้ามากินคนเดียวก็มีโต๊ะนั่งแบบที่มีหม้อสุกี้เล็กๆ ให้ได้นั่งกินคนเดียวแบบเป็นส่วนตัว หรือแบบโต๊ะใหญ่แต่ก็มีหม้อแบบส่วนตัวแยกให้แต่ละคน หรือถ้ามากินกันหลายคนก็มีโต๊ะนั่งแบบมีหม้อใหญ่พร้อมติดตั้งเครื่องดูดควันให้ได้นั่งกินร่วมกัน และยังมีห้องส่วนตัวให้บริการด้วย สำหรับเมนูสุกี้ของที่นี่มีหลากหลายรายการให้เลือกสั่ง สามารถเลือกเนื้อสัตว์ต่างๆ ผักต่างๆ ลูกชิ้นต่างๆ และเครื่องอื่นๆ มากมาย ที่มีอยู่ในเมนู ซึ่งทางร้านเลือกสรรมาอย่างดีให้ได้ลิ้มลอง โดยมีเมนูเด่นๆ ที่แนะนำว่าควรสั่งมาลองลิ้มกันให้ได้ก็มี เนื้อหมูล้วนหมักพิเศษ (จานเล็ก 140 บาท จานกลาง 200 บาท จานใหญ่ 240 บาท) เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกหมักกับเครื่องสูตรพิเศษ และตอกไข่ซีลีเนียมใส่มาด้วย เวลากินก็คลุกเคล้าเนื้อหมูให้เข้ากับไข่ แล้วเททั้งหมดลงในหม้อน้ำซุปกระดูกไก่ เลือกสั่งผักมาใส่ได้ตามความต้องการ ต้มจนสุกจะได้ลิ้มรสสุกี้ที่ความเข้มข้นด้วยเนื้อไข่ที่ลอยอยู่ในน้ำซุป ได้กลิ่นหอมๆ จากเครื่องหมัก กินเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มนิ่มละมุนปากมาก ได้รสชาติเครื่องหมักกลมกล่อมลิ้น ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมหวานคล่องคอดีจริง กินกับน้ำจิ้มสุกี้ ยิ่งเพิ่มรสชาติความอร่อย ส่วนถ้าใครชอบกินเนื้อวัว แนะนำจานนี้ เนื้อวัวล้วนหมักพิเศษกับหมึกกรอบ (จานกลาง 225 บาท จานใหญ่ 265 บาท) ในจานนี้มีทั้งเนื้อวัวส่วนลุกมะพร้าว เป็นเนื้อล้วนๆ หมักกับเครื่องหมักสูตรเด็ด และมีหมึกกรอบที่มาแบบชิ้นใหญ่ๆ มีไข่ซีลีเนียม ใส่เครื่องทุกอย่างที่คลุกเคล้าจนเข้ากันลงไปต้มในน้ำซุป พอเนื้อสุกได้ที่ คีบเข้าปาก สัมผัสได้ถึงเนื้อที่นุ่มมากเคี้ยวหนึบหนับปากดีจริง ส่วนหมึกกรอบเคี้ยวเด้งกรึบโดนใจ แล้วยังมีพวกลูกชิ้นต่างๆ ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอร่อยปาก ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นกุ้ง (60 บาท) ที่ทำจากเนื้อกุ้งบดล้วนๆ เต้าหู้หน้ากุ้ง (60 บาท) เป็นเต้าหู้พาสเจอร์ไรซ์ใส่เนื้อกุ้งบดโปะหน้าหั่นเป็นชิ้นทาด้วยไข่ขาว สาหร่ายยัดไส้ นอกจากสุกี้ที่มีเครื่องเคราต่างๆ ให้เลือกสั่งหลายหลากรายการแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารจานเดียวเป็นเมนูพิเศษที่ทางร้านคิดขึ้นมาให้ได้สั่งมากินกัน ที่ชวนชิมก็มี เปาะเปี๊ยะสวรรค์ (จานเล็ก 120 บาท จานใหญ่ 195 บาท) แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะห่อด้วยไส้กุ้งทอดกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมน้ำจิ้มบ๊วย กินเปาะเปี๊ยะกรอบนอกนุ่มใน ได้รสชาติกุ้งแน่นๆ ของทอดอีกอย่างที่น่ากินคือ เกี๊ยวกุ้งทอด (185 บาท) แผ่นแป้งเกี๊ยวห่อด้วยไส้กุ้งบดเอาแต่เนื้อล้วนๆ ทอดมาแบบเหลืองกรอบ กินตอนร้อนๆ กรอบกรุบเคี้ยวมันปากได้รสชาติกุ้งเต็มปากเต็มคำ จิ้มน้ำจิ้มบ๊วยเพิ่มรสชาติถูกปากยิ่งขึ้น หมูผัดน้ำมันหอย (150 บาท) เมนูนี้ก็ชวนกินไม่น้อย เป็นเนื้อหมูส่วนสันนอกหมักกับเครื่องหมักสูตรพิเศษนานเป็นวัน นำมาผัดกับน้ำมันหอย ใส่พริกชี้ฟ้าแดง ต้นหอม และขึ้นฉ่าย ลิ้มรสเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มปากได้รสชาติเข้มข้นเครื่องหมักถูกปากโดนใจ ถ้าใครชอบกินข้าวผัด แนะนำ ข้าวผัดปูกุ้ง (จานเล็ก 120 บาท จานกลาง 170 บาท จานใหญ่ 240 บาท) ทางร้านนำข้าวหอมมะลิผสมผัดใส่ไข่ซีลีเนียม ใส่ต้นหอม เนื้อปูล้วนๆ และกุ้ง ผัดมาแบบแห้งๆ สไตล์ข้าวผัดจีน กินข้าวผัดหอมๆ ข้าวเป็นเม็ดไม่แฉะเคี้ยวนุ่มปากรสชาติกลมกล่อม มีกุ้งและเนื้อปูให้กินแบบเต็มปากเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนให้สั่งมากินแบบอิ่มท้องอีกมากมาย อาทิ หมูทอดกระเทียม (150 บาท) ยำเนื้อ (จานกลาง 170 บาท จานใหญ่ 240 บาท) เนื้อนุ่มหมัก Black Label (440 บาท) เนื้อนุ่มหมัก Hennessy (595 บาท) ฯลฯ หากว่าใครชื่นชอบกินสุกี้ ขอแนะนำว่าร้าน “เอี้ยวฮั้ว สุกี้โบราณ 1955” แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งร้านสุกี้ที่น่าสนใจ ชวนให้มากินแบบอิ่มอุ่นท้อง
0
เรือนเพชรสุกี้

นับตั้งแต่วันเปิดร้าน ‘เรือนเพชร’ ก็ให้บริการสุกี้โบราณตำรับไห่หนานในรูปแบบเดียวกันจนถึงปัจจุบัน คือการคลุกเคล้าเนื้อหมูเนื้อวัวที่หมักนุ่มด้วยแป้ง-น้ำมันงา ให้เข้ากับเต้าเจี้ยวบดปรุงรสและไข่ไก่สด ก่อนใช้ตะเกียบค่อยๆ เกลี่ยลงในหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่าน ตามด้วยเครื่องเคียงต่างๆ วัตถุดิบบางอย่างยังคงผูกพันกับตลาดเก่าเยาวราช แม้แต่ คนทำเต้าเจี้ยวปรุงรส ก็ยังเป็นคนเดียวกับตอนที่คุณปู่เปิดร้าน ทุกวันนี้ก็ยังทำเต้าเจี้ยวอยู่ รสชาติทุกอย่างเหมือนเดิม จะมีที่ไม่เหมือนเดิมก็ตรงหลังจากมี กฎหมายเรื่องการใช้แก๊สในร้านอาหาร จากที่เคยบริการด้วยการเดินท่อแก๊สไปตามโต๊ะ ก็เปลี่ยนเป็นการใช้ หม้อต้มไฟฟ้า แทนการใช้ท่อแก๊ส

สุกี้เรือนเพชร
สุกี้เรือนเพชร เยาวราชเวลานั้นมีร้านสุกี้เจ้าดังเพียงแค่ 1-2 ร้าน ด้วยเหตุที่มีความคุ้นเคยกับอาหารประเภทนี้ ประกอบกับความมั่นใจในฝีมือครัวของตนเอง อากงซี้อไช้ จึงหมายมั่นคิดเปิดร้านสุกี้โบราณที่อร่อย เป็นลู่ทางธุรกิจที่มั่นคงให้กับครอบครัวต่อไป ดังนั้น ทุกวันอาทิตย์ที่ร้านค้าริมถนนทรงวาดหยุดให้บริการ ‘อากงซื้อไช้’ จึงใช้เวลาทั้งวันซื้อหาวัตถุดิบและอยู่ในครัวเพื่อคิดค้น สูตรเต้าเจี้ยว และ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ ของตัวเอง จนเมื่อมั่นใจในรสชาติ ก็นำไปให้เพื่อนที่สนิทกันชิม ด้วยความมั่นใจว่าต้องได้รับคำชมว่าอร่อย แต่ผิดคาด เสียงตอบรับที่ได้..ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง อากงซื้อไช้พยายามปรับสูตรเต้าเจี้ยวและน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เคยได้รับคำชมเชิงบวกกลับมา คุณพงศ์ธรรศบันทึกไว้ว่า ความเหนื่อยล้าทำให้อากงรู้สึกท้อแท้และเริ่มหมดหวัง วันหนึ่งอากงตั้งใจทำสุกี้โบราณของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย เดิมพันกับตัวเองว่าถ้าครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ จะล้มเลิกความตั้งใจเปิดร้านสุกี้และกลับไปขายสินค้าเกษตรที่ถนนทรงวาดดังเดิม อากงติดต่อเพื่อนกลุ่มเดิมหลายสิบคนมาช่วยชิมสุกี้อีกครั้ง ใช้เวลาครึ่งวันเดินซื้อวัตถุดิบในตลาดเก่าเยาวราช ในใจคิดว่าอย่างน้อยถ้าจะเป็นครั้งสุดท้าย ก็ขอเดิมพันด้วยฝีมือทั้งหมดที่มีและวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่ตัวเองจะหาได้ การทดสอบรสชาติครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมานิดเดียว ตรงที่อากงให้ลูกน้องไปซื้อสุกี้ร้านที่เปิดอยู่แล้วมา 1 ถุง แล้วเทสุกี้ใส่ลงในชามที่อากงใช้อยู่ประจำ แล้วนำสุกี้ที่ปรุงเองเทกลับลงไปในถุงที่มีชื่อร้านนั้นแทน เมื่อนำสุกี้ในชามมาวางบนโต๊ะ และเทสุกี้ในถุงใส่ชามอีกใบ สิ่งที่อากงเชื่อมั่นมาเกือบสองปี..จึงได้รับคำตอบ “สุกี้ที่เพิ่งเทออกจากถุง..ก็ยังอร่อยกว่าเหมือนเดิม” นอกจากมีฝีมือทำอาหาร อากงซื้อไช้ยังล้ำหน้าด้วยการนำเทคนิค ‘แบรนดิ้ง’ มาทดสอบตลาดตั้งแต่เมื่อห้าสิบปีก่อน 162461357679 เรือนเพชรสุกี้ เดือนมิถุนายน พ.ศ.2564 ป้ายชื่อร้านรูปแบบคลาสสิกบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ที่มาของชื่อ ‘เรือนเพชร’ เมื่อมั่นใจในรสชาติ อากงจึงเริ่มหาสถานที่เพื่อเปิดร้านของตนเอง กรุงเทพฯ พ.ศ.2511 ตัวเมืองกำลังขยายความเจริญออกไปในแนวราบ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพิ่งเปิดใช้ครบ 5 ปี ช่วงกลางวันแทบไม่มีรถสัญจรผ่าน แต่ช่วงกลางคืนกลับมีรถยนต์จอดเรียงรายเต็มยาวสองฝั่งถนน ด้วยความเป็นย่านสถานบันเทิงยามราตรี มีทั้งคนไทยที่มาเที่ยวและทหารอเมริกันยุคสงครามอินโดจีน อากงใช้เวลาเกือบเดือนเฝ้าดูความเป็นไปของ ‘ถนนเพชรบุรีตัดใหม่’ จนมั่นใจว่าถนนเส้นนี้เหมาะกับการเปิดร้านอาหารของตัวเอง ลูกค้าน่าจะอยากหาอะไรร้อนๆ กินก่อนกลับบ้าน หรือกินแล้วไปเที่ยวต่อ กระทั่งพบตึกแถวขนาด 2 คูหาติดป้ายตัวโตว่า ‘เซ้ง’ อากงจึงหมายตาลงหลักปักร้านสุกี้ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ด้วยความที่ต้องย้ายจากต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพฯ อากงจึงหมายใจให้ร้านแห่งนี้เป็นบ้านเรือนสำหรับอยู่อาศัยด้วย เป็นที่มาของชื่อร้าน เรือนเพชร เรือน : ความหมายของบ้านเรือน เพชร : คำในชื่อถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นับจากวันนั้นสถานที่แห่งนี้ก็กลายเป็นที่ตั้งของร้าน เรือนเพชร จวบจนถึงปัจจุบัน 53 ปี ไม่เคยย้ายไปไหน 162461381659 บรรยากาศร้านคงความดั้งเดิมไว้ เปลี่ยนแต่หม้อต้มไฟฟ้าตามกฎหมายการใช้แก๊สในร้านอาหาร ร้านแห่งครอบครัว และการ ‘นัดเดท’ คล้ายสำรับไทยที่ดึงสมาชิกในครอบครัวมานั่งล้อมวงรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน พูดจาสอบถามสารทุกข์สุขดิบซึ่งกันและกัน แต่การกิน ‘สุกี้’ ยังเปิดโอกาสให้คนในครอบครัวมีกิจกรรมหรือประสบการณ์ร่วมกันบนโต๊ะอาหาร นั่นก็คือการปรุงอาหารร่วมกัน หรือปรุงสุกี้ร่วมกัน เช่น การหยิบผัก คีบเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ลูกชิ้น ใส่ลงในหม้อน้ำซุปที่ตั้งกลางโต๊ะ พ่อแม่ช่วยลูกที่ยังเล็กปรุงสุกี้ ลูกหลานช่วยปรุงให้ผู้ใหญ่ นอกจากครอบครัวจะพากันมากินสุกี้โบราณตำรับไห่หนาน ‘เรือนเพชร’ ยังเป็นร้านอาหารที่หนุ่มเท่ยุคนั้นเลือกนัดแฟนสาวมา ‘ออกเดท’ คุณพงศ์ธรรศสันนิษฐานว่า เพราะเมื่อ 50 ปีก่อน ร้านอาหารอร่อยที่สะดวกสบายอาจจะยังมีไม่มาก 162461871567 รูปแบบการปรุงสุกี้ เสน่ห์ที่ชวนรับประทานทั้งรสชาติและกลิ่นหอมของน้ำซุป นับตั้งแต่วันเปิดร้าน ‘เรือนเพชร’ ก็ให้บริการสุกี้โบราณตำรับไห่หนานในรูปแบบเดียวกันจนถึงปัจจุบัน คือการคลุกเคล้าเนื้อหมูเนื้อวัวที่หมักนุ่มด้วยแป้ง-น้ำมันงา ให้เข้ากับเต้าเจี้ยวบดปรุงรสและไข่ไก่สด ก่อนใช้ตะเกียบค่อยๆ เกลี่ยลงในหม้อน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่าน ตามด้วยเครื่องเคียงต่างๆ วัตถุดิบบางอย่างยังคงผูกพันกับตลาดเก่าเยาวราช แม้แต่ คนทำเต้าเจี้ยวปรุงรส ก็ยังเป็นคนเดียวกับตอนที่คุณปู่เปิดร้าน ทุกวันนี้ก็ยังทำเต้าเจี้ยวอยู่ รสชาติทุกอย่างเหมือนเดิม จะมีที่ไม่เหมือนเดิมก็ตรงหลังจากมี กฎหมายเรื่องการใช้แก๊สในร้านอาหาร จากที่เคยบริการด้วยการเดินท่อแก๊สไปตามโต๊ะ ก็เปลี่ยนเป็นการใช้ หม้อต้มไฟฟ้า แทนการใช้ท่อแก๊ส 162461421187 เต้าเจี้ยวบดปรุงรส และ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ ความพิถีพิถันเต้าเจี้ยวบดปรุงรส-น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ คนทำ เต้าเจี้ยวบดปรุงรส แม่นสูตรอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีความชำนาญในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วย “ความพิถีพิถันในการทำเต้าเจี้ยวของเรายังเป็นลักษณะ Old School (ดั้งเดิม) คนจีนทำกันเอง ยังไม่เป็นโรงงานใหญ่ ยังผสมด้วยมือ แต่เรามีการชั่งตวงวัดทุกครั้ง ทำทุกรอบรสชาติเหมือนกันเป๊ะ คนที่ทำก็ยังเป็นคนเดิม คนไม่มีประสบการณ์เขาอาจมีสูตร แต่เต้าเจี้ยวและเครื่องปรุงบางอย่างรสชาติจะเปลี่ยนไปตามฤดู เช่น พริก ความเผ็ด-หอมไม่เท่ากันในแต่ละฤดู ก็อยู่ที่ประสบการณ์ของพ่อครัวแต่ละคนจะสามารถแก้ไขรสชาติบางอย่างที่เพี้ยนไปตามฤดูให้กลับมาเป็นปกติได้ไหม ตรงนี้ถึงแม้บางคนมีสูตร แต่ว่าสุดท้ายแล้วรสชาติก็อาจไม่หมือนกับคนประจำทำ” คุณพงศ์ธรรศ กล่าว เรือนเพชร มีคนทำ ‘เต้าเจี้ยวบดปรุงรส’ เป็นด้วยกัน 3 คน และเป็นสามคนที่ทำมาตั้งแต่ร้านเปิด คนแรกสุดคือพ่อครัวที่ช่วย ‘อากงซื้อไช้’ มาตั้งแต่เปิดร้าน แล้วก็มีน้องชายพ่อครัวเข้ามาช่วย อีกคนเป็นพนักงานเก่าแก่ของร้านที่อยู่กันมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่ละคนเคยได้รับการทาบทาม ‘ซื้อตัว’ แต่ด้วยความทำงานกับอากงมานาน รักอากง เหมือนมีสัญญาใจต่อกัน จึงไม่มีใครยอมไปจาก ‘เรือนเพชร’ 162461843053 เต้าเจี้ยวบดปรุงรสสูตรเฉพาะ ไข่แดง คลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์หมักนุ่ม คุณพงศ์ธรรศ กล่าวว่า เต้าเจี้ยวบดปรุงรส ชิมดูก็รู้ว่าคือ เต้าเจี้ยว ผงพะโล้ กระเทียม ร้านสุกี้ตำรับไห่หนานก็ใช้วัตถุดิบหลักสามชนิดนี้เหมือนกัน แต่ด้วยอัตราส่วนของคุณปู่ทำให้เต้าเจี้ยวบดปรุงรสของ ‘เรือนเพชร’ มีรสชาติเฉพาะตัวที่ครองใจนักชิมต่อเนื่องมา 53 ปี เต้าเจี้ยวบดปรุงรส เมื่อทำแล้วควรใช้ให้หมดในสองอาทิตย์ ถ้าเก็บนานไป รสชาติจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนใช้ไม่ได้ สำหรับเรือนเพชรทำเต้าเจี้ยวบดปรุงรส 1 ถัง ใช้ 2-3 วันก็หมดแล้ว ดังนั้นเต้าเจี้ยวปรุงรสที่ร้านใช้จึงทำสดใหม่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ ก็ทำสดใหม่ ไม่ทันเก็บจนเก่า “น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ก็ทำใหม่ทุกครั้งเหมือนกัน ตอนนี้เรามีหลายสาขา ลูกค้าถามน้ำจิ้มทำอย่างไร ทำไมบางสาขาไม่เหมือนกันเลย ซึ่งจริงๆ แล้วทุกอย่างทำออกจากที่นี่ที่เดียว (เรือนเพชร ถนนเพชรบุรีตัดใหม่) คนที่ทำคือคนเดียว สูตรจะเป๊ะหมด แยกหน้าที่กับคนทำเต้าเจี้ยว สาขาขอเบิกน้ำจิ้ม วันนี้สั่งมา วันรุ่งขึ้นตอนเช้าเราทำเลย น้ำจิ้มเราใช้พริกขี้หนู พริกแดง กระเทียม มีกระบวนการหมัก หนึ่งสัปดาห์เราหมักหนึ่งครั้ง ทำไว้เลย 10-20 ถัง เวลาจะใช้คือทำวันต่อวัน เอาพริกที่หมักไว้มาใส่เต้าหู้ยี้ น้ำมันงา ตามสูตรที่คุณปู่สร้างไว้ ทำเสร็จก็ส่งไปสาขา ทุกรอบรสชาติเหมือนกัน เป็นวิธีการควบคุมคุณภาพ” ปัจจุบัน เรือนเพชร มีด้วยกัน 4 สาขา คือร้านดั้งเดิมที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นเสมือนครัวกลาง, อีก 3 สาขาได้แก่ สาขาถนนศรีนครินทร์, สาขาเซ็นทรัล บางนา และ พระราม 2
0
ไล่เฮง โภชนา

ตำนานสุกี้เตาถ่านเยาวราช ไล่เฮงโภชนา สุกี้ยืนหนึ่งเยาวราช มีความหอมเป็นเอกลักษณ์เพราะเค้าใช้เตาถ่านในการต้ม เสิร์ฟกันเป็นหม้อๆ ให้ต้มกันเอง ความคลาสสิกของร้านที่เป็นสไตล์แบบจีนโบราณ เมนูอาหารก็มีพอสมควรทั้งสุกี้หมู,เนื้อ น้ำซุปหอม ยิ่งต้มกับเตาถ่านร้อนๆเดือดๆนี่คือหอมมาก หมักมาแบบเข้นข้นท๊อปด้วยไข่ไก่ ส่วนน้ำจิ้มสุกี้มีแต่น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้แบบไหหลำรสชาติจะเค็มๆหอมเต้าหู้ยี้มาก อร่อยสุดๆ

ไล่เฮงโภชนา
ไล่เฮงโภชนา ไล่เฮง ร้านกุ๊กช็อปจีนไหหลำ สุดยอดตำนานแห่งสุกี้โบราณอีกแห่งที่นับวันจะหาร้านเทียบยาก สุกี้โบราณสไตล์ไหหลำที่มีทั้งหมูและเนื้อ ใช้เตาถ่าน ต้มมาร้อนระอุ แอดไม่ทานเนื้อวัว เลยสั่งเป็นชุดหมู=>ราคา300 บาท (ราคาคงเดิม ไม่ขึ้นราคาช่วงหมูแพง) หมูชิ้นใหญ่ /เล็ก แต่หั่นหนา เนื้อหมูหมักมานุ่มมาก ต้มกับไฟเตาถ่าน แรงคงที่ กลิ่นของสุกี้ที่ต้มเตาถ่านสุดหอม ในชุดหมูมีไข่ไก่3ฟอง ก่อนต้ม ตีไข่ราดหมูก่อน ใส่ผัก ต้นหอม จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ สุดอร่อยจริงๆๆ อีกหนึ่งเมนูที่อร่อยสุดๆ คือหมูผัดต้นหอม 200.-(จานนี้มีหมู/เนื้อ) ชอบรสชาติมาก กลมกล่อม มีกลิ่นพริกไทย อ่อนๆ ส่วนชิ้นหมูก็หมักมานุ่ม ตบท้ายมื้ออีกจาน ด้วยโกยซีหมี่กุ้ง เส้นบะหมี่ทอด พร้อมหน่อไม้กระป๋อง จะใส่กุ้ง/ไก่ ก็มีหมด ก่อนทานเหยาะจิ๊กโฉ่วสักนิด แนะนำเมนู เนื้อผัดน้ำมันหอย เนื้อนุ่มมาก นุ่มแบบละลายในปาก ผัดมาแบบพอดีปรุงด้วยน้ำมันหอย รสชาติเข้มข้นสุด ใครมาก็ต้องสั่งเมนูนี้ สุกี้หมูราคา300บาท ให้เยอะนะคุ้มราคาอ่ะแหละ กิน2คนได้ชิวๆเลย ส่วนเนื้อผัดน้ำมันหอย 200บาท จานใหญ่ ให้เยอะพอสมควร คุ้มค่าความอร่อย
0

พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น

BKK Jerlant

25 Mar 2024 11:29:47

สุกี้โบราณ 4 ร้านในตำนานที่คนรักสุกี้ห้ามพลาด!

สุกียากี้ หรือมักจะเรียกโดยย่อว่า สุกี้ เป็นอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ เต้าหู้ ผัก วุ้นเส้น ไข่ กินกับน้ำจิ้ม เป็นอาหารยอดนิยมในเอเชียมีหลายแบบ ที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในเมืองไทยเป็นสุกี้แบบจีนและแบบญี่ปุ่น สำหรับสุกี้โบราณเป็นแบบจีน เป็นเมนูที่นำผักและเนื้อสัตว์ที่หมักกับไข่มาต้นรวมในหม้อ แล้วทานคู่กับน้ำจิ้มแบบเป็นเอกลักษณ์ที่มีงาเป็นส่วนผสม โดยเมนูสุกี้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วนทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ วิตามินและเส้นใยจากผัก

ช่วงที่ชาวจีนอพยพหนีความยากจนเข้ามาประเทศไทย สุกี้โบราณสูตรจากประเทศจีน ก็เข้ามาด้วย องค์ประกอบสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของสุกี้โบราณ คือ เต้าเจี้ยว มีลักษณะเป็นเต้าเจี้ยวบดปรุงรสที่ใช้คลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์ และ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เครื่องจิ้มสำหรับชูรสวัตถุดิบต่างๆ หลังจากต้มให้สุกในน้ำซุปไก่ ‘เต้าเจี้ยวบด’ กับ ‘น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้’ นี่เองที่รสชาติจะแตกต่างกันไปตามสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน

ปัจจุบันเมนูสุกี้เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมสูง มีการดัดแปลงสูตรการปรุง และสูตรน้ำจิ้มให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น จึงร่วมสมัยมากขึ้น และบางร้านที่กำลังติดตลาดก็เป็นร้านประเภทบุฟเฟต์ที่ลูกค้าต่อคิวกันมากมาย วันนี้เราขอนำเสนอ สุกี้โบราณ ที่อร่อย และเปิดมาอย่างยาวนาน และเคยเป็นที่นิยมในอดีตด้วย มาให้ได้เลือกไปรับประทานกัน ไปดูกันเลย